1. อาหารขยะ อาหารขยะทั้งหลายไม่เหมาะกับคุณแม่ตั้งครรภ์เลย เพราะเป็นอาหารที่ให้โภชนาการต่ำ แต่ให้พลังงานสูงเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ ทำให้เสี่ยงต่อน้ำหนักเกินและนำมาสู่โรคไม่ติดต่อต่าง ๆ เช่น โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หากคุณแม่ท่านใด ชอบกินอาหารเหล่านี้เป็นชีวิตจิตใจ อาจจะค่อย ๆ ลดปริมาณลง หรือกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพทดแทนได้ อย่าลืมว่าอาหารที่เรากินส่วนหนึ่งก็ส่งไปถึงลูกในท้องด้วยนะ
2. ขนมและอาหารรสหวานจัด เช่น คุกกี้ พาย โดนัท ผลไม่เชื่อม ผลไม้กระป๋อง ไอศกรีมรสหวานจัด หรือแม้กระทั่งขนมไทยที่มีปริมาณน้ำตาลมาก< นอกจากจะทำให้น้ำหนักขึ้นและมีไขมันส่วนเกินที่ไม่จำเป็นแล้ว ยังทำให้ร่างกายสะสมน้ำตาลมากเกินไป จนเสี่ยงต่อภาวะเบาหวาน ขอแนะตั้งครรภ์หรือภาวะครรภ์เป็นพิษได้
3. อาหารหมักดอง เพราะมีโซเดียมสูง ทำให้เกิดอาการบวมท้องอืด แน่นท้องได้ และหากการผลิตไม่สะอาดก็อาจมีสารพิษตกค้างหรือเชื่อโรคปนเปื้อนได้
4. อาหารกระป๋อง อาหารแต่งสี กลิ่น หรือมีผงชูรส เนื่องจากมีสารปรุงแต่งค่อนข้างมาก
5. อาหารรสจัด อาหารค้างคืน อาหารรสจัดจะทำให้ระคายเคือง กระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ง่าย ส่วนอาหารค้างคืนอาจจะเสียหรือบูด คุณแม่จึงควรเลี่ยงไปกินอาหารที่ปรุงสุกใหม่จะดีกว่า
6. เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและน้ำอัดลม เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลมที่มีน้ำตาลสูงและเครื่องดื่มชูกำลัง เหล่านี้เป็นเครื่องดื่มต้องห้ามของคุณแม่ตั้งครรภ์ เพราะนอกจากจะมีคุณค่าทางอาหารน้อยแล้ว ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ เช่น รบกวนการทำงานของระบบประสาท ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง เกิดกรดในกระเพาะ ทำให้ท้องอืด แน่นท้อง แต่ถ้าคุณแม่ติดคาเฟอืน แนะนำให้ดื่มไม่เกิน 200 มิลลิลิตรต่อวัน
7. เครื่องดื่มแอลกฮอล์ ควรงดเด็ดขาด เพราะนอกจากจะส่งผลทำให้ลูกมีน้ำหนักตัวน้อย เติบโตช้า และหัวใจผิดปกติแล้ว ยังทำให้เกิดความพิการทาง ร่างกายและสติปัญญาได้
8. ยาหรือวิตตามินบางชนิด คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรซื้อยาหรือวิตามินกินเอง ไม่ว่ายานั้นจะเป็นยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อที่ใช้รักษาโรค เช่น ยารักษาสิว ยาชุด หรือยาจีน รวมไปถึงวิตตามินที่โฆษณาว่าช่วยบำรุงครรภ์ เพราะสารเคมีที่อยู่ในยาอาจส่งผ่านไปถึงลูกน้อยได้ ดังนั้นก่อนกินยาใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อให้คุณหมอจัดยาที่ไม่ส่งผลเสียต่อลูกน้อยหรือหากคุณแม่ต้องกินยาชนิดไหนเป็นประจำและหากสงสัยว่ายาบำรุงหรือวิตตามินตัวไหน ปลอดภัยหรือไม่ ก็ควรนำยาและวิตตามินเหล่านั้น รวมถึงฉลากและบรรจุภัณฑ์ไปปรึกษาสูติ-นรีแพทย์ที่ฝากครรภ์ด้วย
ที่มาของข้อมูล : หนังสืออมรินทร์เบบี้แอนด์คิดส์